จากการรวบรวมสถิติการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน สำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานกองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พบว่าปัญหาด้านการยศาสตร์นี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการมี 4 ประการใหญ่ คือ การประสบอันตรายจากการยกหรือเคลื่อนย้ายของหนัก การประสบอันตรายจากท่าทางการทำงาน อาการเจ็บป่วยจากการเคลื่อนย้ายของหนัก อาการเจ็บป่วยจากท่าทางการทำงาน ตัวอย่างการแก้ปัญหาหรือดำเนินงานด้านการยศาสตร์ที่ถูกต้อง? การทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะในหรือนอกสถานประกอบกิจการ จะสามารถพบเห็นการปฏิบัติงานที่ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า ปวดข้อ ปวดหลัง ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่สืบเนื่องมาจากการทำงานผิดหลักการยศาสตร์ เช่น การยกของหนัก ท่าทางการนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ การทำงานในฝ่ายผลิตชิ้นงานต่าง ๆ เป็นต้น ยกตัวอย่าง เช่น ท่าทางการยกของหนักซึ่งโดยทั่วไปมักจะก้มหลังยกซึ่งถือเป็นวิธีที่ผิด! ที่ถูกต้องควรจะใช้การย่อตัวแทน เพราะการก้มหลังนั้นจะส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังเป็นต้นเหตุของอาการปวดหลัง หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือท่าทางการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะต้องมีการจัดท่าทางในการนั่ง การปรับระดับความสูงของเก้าอี้ ปรับระดับของหน้าจอ เป็นต้น ขอขอบคุณที่มา:กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กายภาพบำบัด การรักษาอาการ Text Neck Syndrome ด้วยการกายภาพบำบัด เช่น การคลายกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อ การสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ รวมทั้งการปรับท่าทางของร่างกายให้อยู่ในอิริยาบถที่เหมาะสม และการกินยาที่ช่วยลดการอักเสบหรือช่วยคลายกล้ามเนื้อก็ล้วนมีส่วนช่วยลดอาการปวดจากโรค Text Neck Syndrome ได้เช่นกัน 2.
ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คนทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตมากขึ้น ทำให้ทุกคนหันมาใช้โทรศัพท์มือถือในการเช็คข้อมูลข่าวสาร ซื้อของ หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์กันแทบจะทุกวินาที และแน่นอนที่สุดเมื่อมีการใช้งานเป็นจำนวนมากและใช้เวลานาน จึงทำให้เกิดภาวะเสี่ยงที่จะเกิดอาการต่างๆ ของโรคที่เกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์นานๆ ตามมา หนึ่งในนั้นก็คืออาการของโรค Text Neck Syndrome หรือ โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทส่วนคอ แล้วคนไทย…ติดสมาร์ตโฟนมากแค่ไหน? จากการรายงานเกี่ยวกับดิจิทัลของประเทศไทย เมื่อเดือนมกราคม ปี 2020 โดย Hootsuite แพลตฟอร์มเกี่ยวกับการจัดการด้านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า คนไทยประมาณ 69. 71 ล้านคน ใช้โทรศัพท์มือถือ 93.
รู้จักโรค Text Neck Syndrome "อาการปวดคอ" ของคนติดมือถือ เวลา: 22. 31 นาที สังคมปัจจุบันเครื่องมือสื่อสารกลายเป็นสิ่งสำคัญกับคนทุกช่วงวัย เพราะจำเป็นจะต้องใช้เพื่อติดต่อสื่อสาร ใช้เพื่อการทำงาน หรือแม้กระทั่งการเรียนออนไลน์ ทำให้ในหนึ่งวันจะต้องก้มหน้าอยู่กับหน้าจอเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนเกิดอาการปวดคอที่เป็น ๆ หาย ๆ ทำให้รบกวนชีวิตประจำวันและส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว Mahidol Channel Podcast รายการ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดีสร้างได้ นำโดยอาจารย์เต้ อ. ดร. ระพี บุญเปลื้อง หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม. มหิดล และ อ. นพ. เตชิต จิระวิชิตชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม. มหิดล ในวันนี้จะมาชวนทำความรู้จักโรค Text Neck Syndrome พร้อมวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ตั้งแต่การปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ไปจนปลายเหตุคือวิธีแก้อาการปวดคอ บ่า ไหล่ ช่องทางการฟัง Mahidol Channel Podcast Blockdit: Spotify: Anchor: Soundcloud: Apple Podcasts: –––––––––––––––––––– YouTube: Facebook: Mahidol University มหาวิทยาลัยมหิดล: Website | คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล | คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.
คนไทย ประมาณ 69 ล้านคน ใช้โทรศัพท์มือถือ 92 ล้านหมายเลข (133% – คิดจากซิมที่มีผู้ลงทะเบียน) 57 ล้านคน (82%) ใช้อินเทอร์เน็ต และ 51 ล้านคน (74%) ใช้โซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ ตัวเลขข้างต้นอาจถกเถียงกันได้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่เราทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน ยิ่งก้มหน้า ยิ่งเสี่ยง text neck มนุษย์เป็นสัตว์ที่กระดูกสันหลังตั้งตรง และมองตรงไปข้างหน้าโดยสรีระตามธรรมชาติ แต่สมาร์ทโฟนกำลังทำให้มนุษย์ต้องก้มหน้า และการก้มหน้าแบบ 'ไหล่ห่อคอตก' ก็นำมาซึ่งปัญหาและโรค text neck ที่กำลังบั่นทอนสุขภาพ รวมถึงสรีระของเราให้ผิดเพี้ยนมากขึ้นทุกวัน ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ปกติศีรษะของมนุษย์จะมีน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม แต่การก้มหน้าทำให้ตำแหน่งของศีรษะเคลื่อนไปข้างหน้า ยิ่งก้มมากเท่าไหร่ คอยิ่งต้องรับน้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งน้ำหนักที่รับก็มากกว่าปกติหลายเท่าตัว เช่น… ก้มหน้าเล็กน้อย ในมุม 30 องศา จะทำให้คอรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นจาก 4-5 กิโลกรัมเป็น 18 กิโลกรัม ก้มหน้าขณะพิมพ์ข้อความในสมาร์ทโฟนที่ปกติจะอยู่ในมุม 45 องศา จะทำให้คอรับน้ำหนัก 22 กิโลกรัม ( มากกว่าน้ำหนักปกติถึง 5 เท่า!! )